_ตลาดคอนโดมิเนียมไตรมาสที่ 4 ปี 2567
ภาพรวมตลาด (Market Overview)
ตลาดคอนโดมิเนียมโดยรวมในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 เผชิญกับภาวะชะลอตัวของอุปสงค์เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า อันเนื่องมาจากกำลังซื้อที่อ่อนแอลง ประกอบกับนโยบายการปล่อยสินเชื่อที่เข้มงวดของธนาคารพาณิชย์ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจยังคงมีความไม่แน่นอน แม้ว่าหนี้ครัวเรือนจะลดลงเล็กน้อยแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะเดียวกัน แม้ภาคการท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัว แต่กำลังซื้อจากต่างชาติลดลงอย่างเห็นได้ชัด สะท้อนจากอัตราการโอนกรรมสิทธิ์ของชาวต่างชาติที่ลดลง 9.49% ในไตรมาสนี้
อย่างไรก็ตาม การโอนกรรมสิทธิ์โดยรวมปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนมองว่าราคาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยจะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นในอนาคตอันเนื่องมาจากต้นทุนการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ราคาที่ดินที่สูงขึ้น ความไม่แน่นอนของนโยบายภายในประเทศ และเงื่อนไขการเข้าถึงสินเชื่อที่ยังคงเข้มงวด ด้วยเหตุนี้ นักลงทุนจึงพยายามเข้าซื้อสินทรัพย์ในช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดในอนาคต
อุปทาน (Supply)
· อุปทานใหม่ที่เปิดตัวในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 368.20% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 โดยมีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาด 9,799 ยูนิต ซึ่งในจำนวนนี้ 56% เป็นโครงการจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ พื้นที่โดยรอบเขตศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพฯ (CBD) คิดเป็น 51% หรือ 5,024 ยูนิต ขณะที่เขตชานเมืองคิดเป็น 45% ส่วนโครงการใหม่ในใจกลางกรุงเทพฯ มีเพียง 4% ของอุปทานทั้งหมด ในขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้พัฒนาเพิ่มขึ้น หลังจากที่มีการระบายอุปทานคงค้างออกไปได้บางส่วน ซึ่งสอดคล้องกับอัตราการโอนกรรมสิทธิ์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.05% จากไตรมาสที่ 3
· สำหรับคอนโดมิเนียมในกลุ่ม ซูเปอร์ไพร์ม (Super-Prime) และไพร์ม (Prime) มีการเปิดตัวซูเปอร์ไพร์มใหม่เพียง 22 ยูนิตในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่คอนโดมิเนียมระดับไพร์มไม่มีการเปิดตัวใหม่เลยตั้งแต่ครึ่งปีแรก ส่งผลให้ซัพพลายสะสมของตลาดซูเปอร์ไพร์มอยู่ที่ 6,569 ยูนิต และกลุ่มไพร์มอยู่ที่ 7,282 ยูนิต โดยตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนยังไม่มีการเคลื่อนไหวมากนักในช่วงที่ผ่านมา
อ่านรายงานการวิจัยเพิ่มเติม คลิก